บ้านของแซมและลินตั้งอยู่ในแฟลตที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงยุค 90 เป็นการผสมผสานระหว่างความวินเทจและการออกแบบร่วมสมัยได้อย่างน่าทึ่ง บ้านของพวกเขาตั้งอยู่ในบิชาน เป็นที่เก็บความทรงจำ ความประทับใจส่วนตัว และแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตในบ้านที่ผสมผสานกันในพื้นที่ที่อบอุ่นและน่าอยู่ ทั้งคู่ชอบไปร้านเฟอร์นิเจอร์วินเทจร้านโปรดในเวลาว่าง และพูดเชิงล้อเล่นกันว่า "แค่อยากได้กลิ่นของไม้" การเดินทางครั้งนั้นมาบรรจบกันในพื้นที่สวยงามที่ทุกมุมบอกเล่าเรื่องราว ทำให้บ้านของพวกเขาไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความใส่ใจ ความคิดสร้างสรรค์ และรสนิยมของพวกเขาอีกด้วย
“เราต้องการซื้อต่อห้องชุดเก่าเมื่อต้นปี 1990 โดยเฉพาะ ยูนิตที่สร้างขึ้น 'ก่อนปี 1996' เพราะเป็นปีที่หลุมหลบภัย 'ที่ทำลายไม่ได้' กลายมาเป็นมาตรฐานในห้องชุด และเราไม่ต้องการแบบนั้น เราต้องการความเปิดโล่งและความเบาสบายในพื้นที่ เราทุบผนังที่ไม่ใช่โครงสร้างทั้งหมดและสร้างใหม่ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรา”
“แนวคิดของเราในการสร้างความกลมกลืนกัน คือการปรับวัสดุที่เราชื่นชอบให้เรียบง่ายขึ้น โดยหลักๆ แล้วคือคอนกรีตสำหรับพื้น สแตนเลส และไม้ เราต้องการให้บ้านเป็นผืนผ้าใบเปล่าสำหรับทุกอย่างที่เราจะนำเข้ามา เพื่อที่เราจะได้เลือกสีในภายหลัง เราเลือกใช้สีขาวและโทนสีกลางๆ มากขึ้น เพื่อให้พื้นที่สามารถปรับให้เข้ากับสิ่งที่เราจะเพิ่มเข้ามาในภายหลังได้”
แซม: “ระหว่างที่เรากำลังตามหาบ้านหลังนี้ ผมก็หลงเข้าไปในโลกแห่งการออกแบบภายใน ได้เจอกับเฟอร์นิเจอร์คลาสสิกที่จะนำมาใช้ในบ้านและพื้นที่ที่เราต่างชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้เลานจ์ Eames, เตียงเดย์เบด GE-6 ของ Wegner, เก้าอี้ Lampe de Marseille ของ Le Corbusier, เก้าอี้ Vitsoe 606 ของ Dieter Ram และเก้าอี้เปลือกหอยของ Arne Jacobsen ชิ้นงานเหนือกาลเวลาเหล่านี้สะท้อนถึงตัวตนของพวกเรา เลยค่อยๆ เติมเต็มบ้านของเราด้วยเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ไปโดยปริยาย”
ลิน: “โต๊ะทำงานในห้องนอนเป็นของที่แซมซื้อให้ฉันเป็นของขวัญแต่งงาน มันคงเป็นของที่ฉันรักที่สุดเลยล่ะ เราออกแบบห้องนอนโดยคำนึงถึงสิ่งนี้ด้วย”
แซม: “ถ้าต้องเลือกของชิ้นโปรดสักชิ้น ก็คงเป็นโซฟาเดย์เบด Hans Wegner GE-6 ของเราที่หุ้มเบาะใหม่ด้วยผ้าทูโทนที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Finn Juhl เป็นของชิ้นที่หายากมาก (ส่วนหนึ่งเพราะส่วนใหญ่อยู่ในสภาพไม่ดี เพราะมักพบในหอพักนักศึกษาซึ่งมักจะถูกใช้งานหนักและใช้งานหนัก) และเราต้องรอสินค้าจากเดนมาร์กนานหลายเดือน”
“เฟอร์นิเจอร์เดนมาร์กของเรามีจำนวนมากในช่วงทศวรรษที่ 50 และ 60 และทั้งหมดมาจากร้าน Noden (คงเป็นร้านเฟอร์นิเจอร์โปรดของเราไปแล้ว เราแวะไปเกือบทุกครั้งที่มีสินค้าใหม่มาถึง) เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้อยู่ในสภาพค่อนข้างดีเมื่อนำมาซ่อมแซมที่สิงคโปร์ เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ถูกสร้างให้มีอายุหลายชั่วอายุคน ดังนั้น หากคุณดูแลอย่างดี เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ก็จะมีอายุใช้งานอีก 50-60 ปี”
“นั่นคือสิ่งที่เราเชื่อ ซื้อครั้งเดียว ซื้ออย่างดี ไม่ใช่ซื้อของถูกหรือซื้อของที่สะดวก”
“ผ้าเช็ดตัวจากผ้าฝ้ายออร์แกนิกเป็นสินค้าที่เราชื่นชอบจาก SOJAO ผ้าเช็ดตัวมีน้ำหนักพอเหมาะและไม่หนาเกินไปสำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของเรา จึงแห้งได้ในเวลาอันเหมาะสม”
“ผลงานศิลปะโทนสีเดียวและเป็นธรรมชาติที่คุณเห็นทันทีที่เดินเข้าไปในบ้านของเรามีชื่อว่า ‘Push, Pull, Prosper No. 1’ โดย Nuttapong Daovitchitr เราอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อร่วมงานแต่งงานของเพื่อนและพบผลงานชิ้นนี้ขณะเยี่ยมชมหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) ขณะที่เราเดินชมงานนิทรรศการแยกกัน (และเดินสวนทางกัน) ตามจังหวะของเราเอง ซึ่งเป็นนิสัยที่แปลกประหลาดของเราเมื่อไปพิพิธภัณฑ์ เราก็มาบรรจบกันที่ผลงานชิ้นนี้ในเวลาเดียวกันราวกับว่ามันถูกกำหนดไว้แล้ว นอกจากนี้ ผลงานชิ้นนี้ยังถือเป็นผลงานชิ้นใหญ่ชิ้นแรกที่เราเลือกซื้อ ดังนั้นผลงานชิ้นนี้จึงมีความหมายสำหรับเรามาก”
“เราจำจำนวนโคมไฟในบ้านไม่ได้แล้ว แต่คงมีมากกว่าสิบห้าดวง เราซื้อโคมไฟส่วนใหญ่จาก Finnish Design Shop ในช่วงที่มีแคมเปญ แต่โคมไฟที่ฉันชอบที่สุดคือโคมไฟ Parliament Lamp ที่ออกแบบโดย Le Corbusier และผลิตโดย Nemo ซึ่งเราได้มาจาก Cult Design Asia เราพยายามไม่เปิดไฟใหญ่ๆ เสมอ ยกเว้นตอนที่ฉันกำลังทำอาหารหรือกำลังทานอาหารเช้า”
“เราเติบโตมาในครอบครัวเอเชีย จึงมีความคิดว่า ‘แสงสว่างคือสิ่งที่ดีที่สุด’ และทุกอย่างคือแสงสีขาว 6,000K ซึ่งถือว่าค่อนข้างสว่างมากๆ ดังนั้นเราจึงตัดสินใจอย่างมีสติที่สุดในการทำให้แสงในบ้านของเราคงที่ที่ประมาณ 2,700K การจัดแสงแบบหลายชั้นและแสงที่สม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างบ้านที่อบอุ่น”
“เรามีตารางงานที่ยุ่งมากและบางครั้งก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้นบ้านอันแสนสบายของเราจึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา เป็นสถานที่ที่เรากลับไปเพื่อพักผ่อน เพื่อฟื้นฟูร่างกายหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน”
